มาตรการลงโทษต่อการละเมิดสิทธิและผลประโยชน์ของผู้บริโภคประกาศใช้ในปี 2015 และแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2020 ตามลำดับ การแก้ไขล่าสุดมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020
มีบทความทั้งหมด 22 บทความซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อชี้แจงว่าหน่วยงานกำกับดูแลกำหนดบทลงโทษทางปกครองอย่างไรตาม กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค. ประเด็นสำคัญมีดังนี้:
1. ในการจัดหาสินค้าหรือบริการห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจกระทำการใด ๆ ดังต่อไปนี้
(1) ขายสินค้าหรือบริการที่ไม่ปลอดภัย
(2) ขายสินค้าที่ไม่ถูกต้องหรือเสื่อมคุณภาพ
(3) ขายสินค้าลอกเลียนแบบ
(4) ขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
(5) ขายสินค้าที่รัฐกำหนดให้หยุดขาย
(6) ฉ้อโกงค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยไม่จัดหาสินค้าหรือบริการ (ข้อ 5)
2. ผู้ประกอบธุรกิจควรให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่เป็นความจริงครอบคลุมและถูกต้องและไม่ควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด (ข้อ 6)
3. หากสินค้าที่ขายโดยผู้ประกอบธุรกิจถูกระบุว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานโดยหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจจะต้องส่งคืนสินค้าภายใน 15 วันนับจากวันที่ผู้บริโภคร้องขอคืน (ข้อ 8)
4. หากผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตทีวีโทรศัพท์สั่งซื้อทางไปรษณีย์ ฯลฯ และสินค้าอยู่ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าด้วยการคืนสินค้าโดยไม่มีเงื่อนไขผู้ประกอบการจะต้องส่งคืนสินค้าหรือแจ้งที่อยู่สำหรับส่งคืนแก่ผู้บริโภคภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับคำขอคืนสินค้าของผู้บริโภค (ข้อ 9)
5. ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักการของความถูกต้องตามกฎหมายความเป็นธรรมและความจำเป็นในการรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องระบุวัตถุประสงค์วิธีการและขอบเขตของการรวบรวมและใช้ข้อมูลอย่างชัดเจนและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของตนหลังจากได้รับความยินยอมจากผู้บริโภคเท่านั้น
ผู้ประกอบธุรกิจไม่ควรมีส่วนร่วมในการกระทำดังต่อไปนี้:
(1) รวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้บริโภค
(2) เปิดเผยขายหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้บริโภคเก็บรวบรวมโดยผิดกฎหมายแก่ผู้อื่น
(3) ส่งข้อมูลทางการค้าไปยังผู้บริโภคโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือร้องขอหรือผู้บริโภคปฏิเสธโดยชัดแจ้ง (ข้อ 11)